🐾 แมวน้ำลายไหล = เครียด หรือ ป่วย? มาหาคำตอบกัน

แมวบางตัวอาจมีน้ำลายไหลเวลามีความสุข เช่น ตอนถูกลูบหัว หรือนอนตักเจ้าของ ซึ่งถือว่า “ปกติ” ได้ในบางกรณี

แต่ถ้าน้ำลายไหลมากเกินไป จนคางเปียก เสื้อเปื้อน หรือไหลต่อเนื่องนานหลายสิบนาที  นี่คือสัญญาณเตือนว่าร่างกายอาจกำลังส่ง “ข้อความขอความช่วยเหลือ” มาให้เจ้าของทราบ

อาการนี้อาจเกิดได้ทั้งจากภาวะทางร่างกาย เช่น ปัญหาช่องปาก หรือจากสภาพอารมณ์ เช่น ความเครียด ความกลัว หรือความวิตกกังวล ซึ่งต้องแยกให้ชัด เพื่อจะได้ดูแลได้ถูกทาง

🦷สาเหตุทางร่างกาย: ช่องปากและโรคภายใน

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ ปัญหาในช่องปาก เช่น

• ฟันโยก ฟันหัก หรือหินปูนเกาะ

• เหงือกอักเสบ แผลในปาก หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่

• การติดเชื้อในช่องปากที่ทำให้แมวกลืนลำบาก

นอกจากนี้ ยังมีโรคภายในบางอย่างที่ทำให้น้ำลายไหลได้ เช่น

• โรคไตหรือตับ ทำให้ร่างกายขับสารพิษไม่ได้ตามปกติ

• โรคในระบบประสาทที่กระทบต่อการควบคุมกล้ามเนื้อปาก

• การแพ้สารเคมี ยา หรืออาหารบางชนิด

แมวที่มีโรคเหล่านี้มักมีอาการร่วม เช่น กลืนอาหารยาก มีกลิ่นปาก ซึม เบื่ออาหาร หรืออาเจียน

อาเจียน

😿ความเครียดก็ทำให้แมวน้ำลายไหลได้

แมวเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิด เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมน้ำลายทำงานมากขึ้น
สถานการณ์ที่ทำให้แมวเครียด เช่น

• การย้ายบ้าน

• การไปหาหมอ

• การเจอแมวตัวอื่น หรือเสียงดังผิดปกติ

แมวที่เครียดมักจะน้ำลายซึมออกมา เลียปากบ่อย หอบ หรือซ่อนตัว เจ้าของจึงควรสังเกตพฤติกรรมและช่วยให้น้องรู้สึกปลอดภัย เช่น จัดมุมพักที่สงบ เปิดเพลงเบา ๆ หรือใช้กลิ่นที่ช่วยลดความตึงเครียดของแมว

🩺เมื่อไหร่ควรพาแมวไปหาหมอ?

หากแมวมีอาการน้ำลายไหล ร่วมกับ

• กลืนอาหารไม่ได้

• เบื่ออาหาร ซึม หรือมีไข้

• น้ำลายมีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน

ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะอาจมีโรคซ่อนอยู่ที่ต้องได้รับการตรวจภายในช่องปากหรือระบบภายใน การตรวจตั้งแต่ระยะต้นจะช่วยให้น้องหายไว และลดความทรมานได้มาก

💖การดูแลเบื้องต้นที่เจ้าของทำได้

• ตรวจฟันและเหงือกของแมวเป็นประจำ

• หมั่นแปรงฟันหรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่ปลอดภัยสำหรับแมว

• ลดความเครียดของแมวด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย

• จัดเวลาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง