🐾 “แมวปากบวม” สัญญาณเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม อาจซ่อนโรคใหญ่กว่าที่คิด

หลายคนอาจคิดว่า “ปากบวม” เป็นเรื่องเล็กๆ ของแมว แต่จริงๆ แล้วอาการนี้อาจเป็นเสียงเตือนจากร่างกายของน้องที่กำลังพยายามบอกเราว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ การแพ้ หรือแม้แต่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งก็สามารถแสดงออกผ่านอาการปากบวมได้เช่นกัน เจ้าของจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะถ้าน้องมีอาการบวมซ้ำๆ น้ำลายไหล มีกลิ่นปาก หรือกินอาหารน้อยลง เพราะทั้งหมดนี้คือ “สัญญาณเตือนสุขภาพช่องปากและร่างกาย” ที่ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

😿 สาเหตุที่ทำให้ “แมวปากบวม” มีได้หลายโรคกว่าที่คิด

การติดเชื้อในช่องปากหรือเหงือกอักเสบ (Stomatitis / Gingivitis)
สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้แมวปากบวม เกิดจากคราบหินปูน แบคทีเรีย หรือฟันโยก ซึ่งจะทำให้น้องเจ็บจนไม่อยากกินอาหาร บางตัวอาจมีเลือดออกที่เหงือก หรือน้ำลายมีเลือดปน
อาการแพ้ (Allergic Reaction)
แมวอาจแพ้อาหาร ยา แมลงต่อย หรือสารเคมีในบ้าน ทำให้บริเวณปากและริมฝีปากบวมเฉียบพลัน โดยเฉพาะแมวที่มีประวัติแพ้ง่าย
แมวกัดต่อยกัน หรือแผลติดเชื้อใต้ผิวหนัง (Abscess)
โดยเฉพาะแมวที่ชอบออกไปนอกบ้าน มักมีรอยกัดหรือรอยเล็บที่เกิดการอักเสบ บวมร้อน และมีหนอง
แผลในปากจากฟันหรือสิ่งแปลกปลอม
บางครั้งเศษไม้ กระดูก หรือของเล่นพลาสติกอาจข่วนในปาก ทำให้เกิดบวมแดงหรือติดเชื้อได้
โรคมะเร็งในช่องปาก (Oral Cancer)
พบได้ในแมวสูงอายุ มีลักษณะก้อนแข็ง บวมโตเรื่อยๆ มีกลิ่นปากแรงและน้ำลายไหลมากกว่าปกติ จำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์เท่านั้น

💗 วิธีดูแลเบื้องต้น และเมื่อไหร่ควรพาแมวไปหาหมอ

สังเกตพฤติกรรมทุกวัน ถ้าแมวไม่กินอาหาร ชอบเอามือเกาปาก หรือน้ำลายไหล ให้รีบตรวจดูภายในปากทันที
หลีกเลี่ยงการจับหรือบีบปากแรงๆ เพราะอาจทำให้น้องเจ็บมากขึ้น หรือแผลลุกลาม
ทำความสะอาดช่องปากอย่างอ่อนโยน หากไม่มีแผลเปิด สามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดรอบปากเบาๆ ได้
หากสงสัยว่าแพ้อาหารหรือแมลงต่อย ให้สังเกตอาการบวมว่าดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหรือไม่ ถ้ายังไม่หาย หรือบวมลาม ควรรีบพบสัตวแพทย์
อย่ารอให้อาการรุนแรง โดยเฉพาะถ้ามีไข้ ซึม หรือมีกลิ่นปากแรง เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในกระแสเลือด

อาการ “แมวปากบวม” ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคที่ซ่อนอยู่ การพาแมวตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ ช่วยให้คุณรู้ก่อน ป้องกันก่อน และรักษาได้ทันเวลา หากพบความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และให้การรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้น้องแมวกลับมายิ้มได้อีกครั้ง 🐱✨

ค้นหาบล็อกนี้

สัตว์เลี้ยงน่ารัก