5 อาการโรคหัวใจแมว ที่เจ้าของควรรู้เพื่อป้องกันอันตราย

 แมวอาจเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดูแข็งแรงและซ่อนอาการป่วยได้เก่ง แต่โรคหัวใจถือเป็นโรคร้ายเงียบที่เจ้าของหลายคนอาจไม่ทันสังเกต เพราะแมวส่วนใหญ่จะพยายามไม่แสดงความเจ็บป่วยออกมาให้เห็นชัด ดังนั้นถ้าเจ้าของรู้เท่าทันอาการโรคหัวใจแมวตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้นและยืดอายุของแมวที่คุณรักได้

1. หายใจหอบ เหนื่อยง่าย

หนึ่งในสัญญาณเตือนแรกของโรคหัวใจในแมวคือการหายใจหอบ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แมวอาจหายใจถี่แม้ไม่ได้วิ่งเล่นหนัก หรือหายใจทางปากซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมปกติของแมว เจ้าของควรสังเกตเวลาที่แมวนอนพัก ถ้าเห็นช่องอกขยับแรงผิดปกติหรือมีเสียงหายใจดัง ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์

2. ไอ หรือมีน้ำในปอด

แมวที่มีภาวะหัวใจวายอาจมีอาการไอ เนื่องจากมีของเหลวคั่งในปอด ซึ่งต่างจากแมวทั่วไปที่แทบไม่ค่อยไอ ถ้าแมวของคุณมีเสียงไอแห้ง ๆ หรือเหมือนมีเสมหะเรื้อรัง ควรระวังว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจหรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย

3. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

แมวที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะเบื่ออาหาร ไม่ค่อยอยากกินข้าวหรือกินได้น้อยลง น้ำหนักจะลดลงเรื่อย ๆ หากเจ้าของสังเกตว่าแมวซูบผอมลงทั้งที่ปริมาณอาหารเท่าเดิม หรือกินน้อยกว่าปกติแบบไม่มีสาเหตุ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กหัวใจ

4. ขาหลังอ่อนแรง เดินเซ

ในแมวบางตัว โรคหัวใจอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ขาหลัง จนทำให้แมวมีอาการขาหลังอ่อนแรง ยืนไม่ไหว หรือเดินเซได้ เจ้าของบางคนอาจเข้าใจผิดว่าแมวขาหักหรือกล้ามเนื้ออักเสบ ทั้งที่จริงแล้วเป็นสัญญาณของโรคหัวใจชนิดรุนแรงที่ต้องรักษาเร่งด่วน

5. เหงือกซีด ตัวเย็น ช็อก

อาการท้าย ๆ ที่บ่งบอกว่าโรคหัวใจแมวรุนแรงมากแล้ว คือ เหงือกและลิ้นมีสีซีดหรือม่วง ตัวเย็น ซึม ไม่ตอบสนอง หรือหายใจเฮือก ๆ ซึ่งอาจเข้าสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ หากพบอาการแบบนี้ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ทันที เพราะทุกนาทีมีค่ามากต่อการรอดชีวิต

รู้หรือไม่? ปัจจุบันรักษาด้วยสเต็มเซลล์ได้แล้ว

ในปัจจุบัน การรักษาโรคหัวใจแมวไม่ได้มีแค่การให้ยาและดูแลตามอาการเท่านั้น แต่เทคโนโลยีทางสัตวแพทย์ได้พัฒนามากขึ้น มีการใช้ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมหัวใจที่อ่อนแอ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้แมวได้ดียิ่งขึ้น สเต็มเซลล์จะช่วยลดการอักเสบ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อหัวใจ และช่วยให้การทำงานของหัวใจดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตามควรให้สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้แมวได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุด

แมวอาจไม่สามารถบอกได้ว่าเจ็บป่วยตรงไหน แต่เจ้าของสามารถช่วยดูแลได้ด้วยการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ หากพบอาการทั้ง 5 ข้อนี้ร่วมกับการดูแลด้วยวิธีการรักษาสมัยใหม่ เช่น สเต็มเซลล์ จะช่วยให้แมวที่คุณรักมีโอกาสฟื้นตัวและมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้มากกว่าเดิม อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์เป็นประจำ เพื่อดูแลหัวใจของแมวให้แข็งแรงอยู่คู่คุณไปนาน ๆ




ความคิดเห็น